รุกรับปรับกระบวนยุทธ์เพื่อรุดหน้าในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จรรยา ตันอนุชิตติกุล เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย ส านักงานภาคเหนือ
เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2557 ที่ผ่านมา
หลายท่านคงได้ทราบข่าวที่ World Economic Forum ได้เผยแพร่รายงานการจัดอันดับ ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ ในโลกจ านวน 144 ประเทศ โดยประเมินจากประเด็นที่คัดสรรแล้วว่าจ าเป็นต่อการสร้าง สมรรถนะในการแข่งขัน แล้วประมวลรวมเป็นอันดับของแต่ละประเทศ ส าหรับประเทศไทยของเราในปีนี้ ภาพรวมขยับอันดับดีขึ้นบ้าง เป็นอันดับที่ 31 จากอันดับที่ 37 ในปีก่อน การจัดอันดับโดย หน่วยงานภายนอกเช่นนี้อาจเปรียบได้กับการตรวจสุขภาพประจ าปี ของเรา และผลสุขภาพโดยรวมที่ได้อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น โดยส่วนที่จัดว่าดีมากทั้งอันดับที่สูงและมีการพัฒนาขึ้นมาก ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจระดับมหภาค ซึ่งอาจเปรียบได้กับระบบหมุนเวียนเลือด (ตัวชี้วัดอาทิ การดูแลเงินเฟ้อขยับขึ้นถึง 12 อันดับมาอยู่ในอันดับที่ 19 ของโลก) รองลงมาที่จัดว่าดีได้แก่ น้ าหนักส่วนสูง (อาทิ ด้านขนาดของตลาดอันดับ 22 ของโลก และด้านประสิทธิภาพตลาดอันดับที่ 30 ของโลก) หรือ ระบบหายใจ (อาทิ ด้านพัฒนาการของตลาดการเงิน เป็นอันดับที่ 34 ของโลก) เมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มอาเซียน อันดับของไทยอยู่ในระดับปานกลางมาโดยตลอด เป็นรอง แค่สิงคโปร์ (อันดับที่ 2 ของโลก) มาเลเซีย (อันดับที่ 20 ของโลก) และบรูไน ตามล าดับ แต่ที่น่าจับตามองคือประเทศ ฟิลิปปินส์ ซึ่งสามารถเร่งระดับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในเวลาเพียง 5 ปี จากที่เคยเป็นอันดับที่ 87 ของโลกเมื่อ ปี 2552 (ในปีนั้นไทยอยู่ในอันดับที่ 36 ของโลก) มาเป็นอันดับที่ 52 ในปีนี้ จึงเป็นที่น่าคิดว่า ในสนามการค้าจริง SMEs ของเราจะค้าขายได้เก่งกว่าคู่แข่งอื่นเหมือนอันดับของประเทศที่ปรับดีขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับ สภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่ก าลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างเช่น กระแสการรวมตัวทางเศรษฐกิจ การเปิดเสรีทางการค้าใหม่ๆ และการเร่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ
การเปลี่ยนแปลงในบริบทของ AEC โดยที่ในเวลาอีกประมาณปีเศษ ประเทศไทยของเราและเพื่อนสมาชิกอีก 9 ประเทศในอาเซียนได้ตกลงร่วมกันว่า จะน าทีมใหม่ชื่อ AEC พร้อมเข้าร่วมใน league เศรษฐกิจโลกอย่างเป็นทางการ และสนามท้องถิ่นของประเทศส่วนใหญ่ ก็จะมีความพร้อมต้อนรับทีมนักเตะของประเทศคู่ค้าต่างๆ ที่จะมาเยือนด้วย โดยตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา แต่ละ ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ทยอยปรับปรุง เปลี่ยนแปลง กฎระเบียบ ภาษี และผ่อนคลายหลักเกณฑ์ด้านการควบคุมแลกเปลี่ยนเงิน เพื่อให้เอื้อต่อ การรวมตัวกันเป็นทีม AEC และให้ทีมมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน สามารถใช้ พลังจากการรวมตัวกันไปแข่งขันในตลาดโลกได้ดีกว่าการลุยเดี่ยว เราตกลงกัน ให้สินค้า บริการ แรงงานฝีมือ และทุนของสมาชิกในทีมสามารถเคลื่อนย้าย ไปมาได้อย่างเสรีกว่าเดิม เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และสนับสนุนการบริหาร จัดการทรัพยากรและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคาดหวังว่า ด้วยพลังของการเป็น AEC จะท าให้เศรษฐกิจของประเทศสมาชิกแต่ละ ประเทศมั่งคั่งและเติบโตขึ้น สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น
SMEs: รุกรับปรับกระบวนยุทธ์เพื่อรุดหน้าในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จรรยา ตันอนุชิตติกุล เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย ส านักงานภาคเหนือ
Image credit: (2)
Image credit: (1)
ส่วนเศรษฐกิจภาค ส านักงานภาคเหนือ 2
จึงเป็นที่น่าสนใจว่า SMEs ของเราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ทีมไทย มีความพร้อมที่จะลงแข่งขันในสนามใหม่ที่ก าลัง จะเปิดด าเนินการเต็มรูปแบบของ AEC ในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 นี้แล้วหรือยัง
การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอาจต้องเพิ่มมูลค่าสินค้า สมมติเราเป็น SMEs รายย่อย ท าตะเกียบขายและเน้นใช้ แรงงานคนในการผลิต เป็นกิจการเก่าแก่ของครอบครัว ตะเกียบของเราท าจากไม้อย่างดี สวยงาม แข็งแรง ส่วนใหญ่ ขายส่งให้กลุ่มร้านอาหารในกรุงเทพ และขายปลีกบ้างตาม งานต่างๆ แต่การเป็น AEC เปิดโอกาสให้คู่แข่งรายใหม่ จากภายนอกประเทศเข้ามาในตลาด มาเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า และเมื่อสินค้าของคู่แข่งที่ดูใกล้เคียงกับของเราแต่มีราคา ถูกกว่า ใช้เทคโนโลยีที่แปลกใหม่ในการท าสีสันที่สวยงาม แปลกตา รูปแบบบรรจุภัณฑ์สวย และสามารถรับค าสั่งซื้อ ในปริมาณมากได้เพราะใช้เครื่องจักรช่วยในการผลิต ท าให้ ลูกค้าปัจจุบันส่วนหนึ่งเริ่มหันเหไปซื้อสินค้าจากคู่แข่ง อาจเพราะต้องการของราคาถูกกว่า หรือต้องการสินค้า ในปริมาณมาก ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เราควรท าอย่างไร จะลดราคาสู้ หรือท าโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการขายดี และ ด้วยสายป่านของเราจะสู้ได้นานสักแค่ไหน กรณีนี้เราคง ต้องคิดใหม่ท าใหม่เช่นกัน
ท าการค้าแบบเดิมยากที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หากเราจะใช้เทคโนโลยีเดิมๆ ท าการค้าแบบเดิม แต่อยากขาย ให้ได้ราคาสูงขึ้น เพื่อรักษาก าไรคงที่ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คงเป็นไปได้ยาก เพราะเมื่อต้องเผชิญกับคู่แข่งรายใหม่ๆ โดยเฉพาะจากประเทศอื่นที่มีแรงงานจ านวนมาก มีต้นทุนต่ ากว่า และตามมาทันในด้าน เทคโนโลยี การปรับตัว ด้วยการรัดเข็มขัดลด ต้นทุนและลดราคาเข้าสู้ ก็ คงอยู่ได้ไม่นาน เพราะ ก าไรที่ดีย่อมจะดึงดูดให้ มีคู่แข่งเข้ามาขายเพิ่มขึ้น ราคาก็จะยิ่งลดลงไปตามกฎอุปสงค์ อุปทาน และในที่สุดเราอาจต้องเป็นผู้ที่ออกจากตลาดไป คนที่อยู่รอดจะเป็นผู้ที่ใช้ต้นทุนต่ าที่สุด
ปรับเปลี่ยนให้ทันขบวนรถไฟกระแสเทคโนโลยีใหม่ ปัจจุบัน โลกมีกระแสความนิยมด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ในระดับ ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าจะให้ขายได้ และราคาดี ก็ต้องมีคุณภาพ ตรงความต้องการตลาด ต้องมีการวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างและ เพิ่มคุณภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องท าเพื่อให้เราสามารถยืนอยู่ได้ ด้วยขาของตัวเองและก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติจะเป็นก าลังเสริมจากภายนอก ที่ช่วยลดเวลาการเพิ่มศักยภาพให้กับภาคอุตสาหกรรมหรือ บริการ ตลอดจนทักษะฝีมือแรงงานไทยในการก้าวต่อไปอย่าง เข้มแข็งยิ่งขึ้น จากการน าเทคโนโลยีใหม่ๆ และการพัฒนา ทักษะฝีมือแรงงานที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตและให้บริการ หากเราพร้อมที่จะสู้ต่อ สินค้าเรามีศักยภาพดีและมีลูกค้า เราจ าเป็นต้องปรับลดต้นทุนลง วิธีที่ยั่งยืนคือผู้ประกอบการต้อง พร้อมน าเทคโนโลยีใหม่มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลง ให้สามารถแข่งขันด้าน ราคาได้ สามารถรับค าสั่งซื้อในปริมาณมากได้ แต่หากตลาด เดิมน่าจะไม่ค่อยไหวหรือสู้ได้แต่น่าจะเหนื่อยมาก จนก าไรไม่ ค่อยเหลือ อาจต้องมองทางเลือกใหม่คือ มองหาตลาดและ กลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่มีก าลังซื้อและสนใจคุณภาพมากกว่า ราคา แนวทางที่อาจท าได้คือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า น าเทคโนโลยี นวัตกรรมและการออกแบบ มาปรับปรุง พัฒนา
Thought: การเดินไปตามท้องถนน ย่อมมีคนอยู่ด้านหน้าเรา ข้างเรา และด้านหลังเรา คนที่อยู่รอบตัวเราก็มีจ านวน ไม่แน่นอน เมื่อไหร่ที่เราหยุดเดิน ย่ าอยู่กับที่ ในขณะที่ คนอื่นที่เดินต่อ คนที่เดินอยู่ข้างเราก็จะเดินล้ าหน้าเรา ไปในทันที คนที่เคยเดินอยู่ข้างหลังเราก็จะทยอย เดินทันเรา และในที่สุดก็จะแซงเราไป
Image credit: (3)
ส่วนเศรษฐกิจภาค ส านักงานภาคเหนือ 3
ปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้า หรือน าเสนอรูปแบบการใช้งาน ใหม่ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น
มุมมองเรื่องตลาดก็ส าคัญ นอกจากนี้ อาจปรับมุมมองเรื่องตลาดใหม่เพราะในมิติ ของ AEC ตลาดมิได้จ ากัดแค่ภายในประเทศเราเท่านั้น เราสามารถ ใช้จุดแข็งด้านคุณภาพสินค้าไทยที่เป็นที่ยอมรับในตลาด ประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะกลุ่ม CLMV*1 ให้เป็นประโยชน์ แต่การออกไปต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องง่าย การจะเป็นผู้ชนะได้ ต้องรู้เขารู้เรา ดังนั้น ควรเริ่มจากการลองไปส ารวจตลาด ศึกษาพฤติกรรมผู้ซื้อในประเทศเหล่านั้นด้วยตัวเองก่อน อาจเริ่มด้วยการไปเที่ยวเพื่อจะได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อประเมินโอกาส จากนั้นถ้าคิดว่าน่าสนใจ แต่ยังไม่แน่ใจ ในความพร้อมที่จะออกไปท าตลาดเอง อาจเริ่มด้วยวิธี หาพันธมิตรคู่ค้าหรือตัวแทนจ าหน่าย ที่พอเชื่อถือได้และ มีความช านาญในตลาดที่สนใจในท านอง ฝากไปขาย ขายตาม หรือขายควบ ไปกับสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกัน หรือ ใช้ร่วมกัน อย่างกรณีสมมติของเราเรื่องตะเกียบ ก็อาจ สร้างพันธมิตรกับผู้ค้าสินค้าบนโต๊ะอาหารที่เรียกว่า Tableware หรือหมวดของตกแต่งและของใช้ภายในบ้าน ที่พอมีลู่ทางอยู่แล้วในประเทศที่เราสนใจ อีกประการหนึ่ง สินค้าของเราจะเสมือนมีราคาถูกลงจาก การเสียภาษีน้อยลงในสายตาของผู้น าเข้าและผู้ซื้อ ในประเทศสมาชิกอาเซียน เพราะจุดแข็งหนึ่งของการเป็น AEC คือการที่ประเทศสมาชิกตกลงที่จะลดอัตราภาษีน าเข้าให้ สินค้าที่มีแหล่งก าเนิดในอาเซียนเหลือ 0% ซึ่ง ASEAN 6*2 ท าไปแล้วและ CLMV ก าลังอยู่ระหว่างทยอยลดให้เป็น 0% ภายในปี 2558
ส าหรับอีกช่องทางหนึ่งที่จัดว่ามีความน่าสนใจส าหรับ SMEs ได้แก่ การตลาดผ่านอินเทอร์เน็ต เพราะเข้าถึงผู้ซื้อได้ทุกที่ ทุกเวลา และไม่ว่าจะเป็นผู้ค้ารายใหญ่หรือรายเล็ก ก็ไม่มี ความได้เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก อยู่ที่ใครจะท าเว็บไซต์ ได้เข้าถึง และถูกใจลูกค้าเป้าหมายมากกว่ากัน ซึ่งหากจะขาย ลูกค้าในต่างประเทศ ก็ควรต้องมีภาษาอังกฤษก ากับไว้ด้วย อย่างน้อยก็ชื่อสินค้าและช่องทางในการติดต่อกับเราต่อไป
โลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใคร ห้ามหรือหยุดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ผู้ที่ท าความเข้าใจการเปลี่ยนแปลง ศึกษา และเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างเหมาะสม ย่อมจะสามารถคว้าโอกาสที่จะรุกไปข้างหน้า กับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพราะไม่มีค าว่าสายเกินไปในการเริ่มต้น “ปรับ” ให้พร้อมที่จะ “รับ” หรือ “รุก”
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จ าเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
Image credits: 1 วารสารพระสยาม ฉบับที่ 3 เดอืนพฤษภาคม - มิถุนายน 2557 2 https://www.facebook.com/aseansecretariat 3 สสว.- SMEs Today Vol.11 No.98 July-September 2014 4 วารสารพระสยาม ฉบับที่ 3 เดอืนกรกฎาคม – สิงหาคม 2556
Image credit: (3)
*1 CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และ เวยีดนาม *2 ASEAN 6 ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น